วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ลูกชุบ



ลูกชุบ

ลูกชุบ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งทำด้วยถั่วเขียวบดกวนปั้นเป็นรูปร่างต่างๆระบายสี แล้วนำไปชุบวุ้นให้สวยงาม สีที่ใช้ทำลูกชุบนั้นนอกจากระบายลงบนถั่วเขียวกวนที่ปั้นแล้ว ยังใส่สีลงในถั่วกวนโดยตรงได้อีก เช่น


ส่วนผสม

* ถั่วเขียว 450 กรัม
* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* สีผสมอาหาร
   (อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),
   จานสีและพู่กัน
* ไม้จิ้มฟัน
   (สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
* โฟม
  (สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)



วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน



1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ) เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้ ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ
5. ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ
6. ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง
7. นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 - 3 ครั้ง ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น
8. นำลูกชุบออกจากไม้ิจิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆได้

ทับทิมกรอบ


ทับทิมกรอบ



ขนมทับทิมกรอบ ทับทิมกรอบเป็นขนมหวานที่รับประทานได้ทุกฤดูกาล นิยมมากที่สุดในฤดูร้อน รับประทานแล้วหอมหวานเย็นอร่อยชื่นใจคลายร้อนได้ดี ประกอบด้วยเม็ดทับทิมกรอบสีแดงสดใสและเม็ดทับทิมกรอบสีชมพูสวย เมื่อเคี้ยวแล้วกรอบมันด้วยรสชาดของแห้ว มีน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทราย ลอยด้วยดอกมะลิ มีกะทิสดจากการคั้นมะพร้าว น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำแข็งทุบให้เป็นเม็ดเล็กๆ หอมชื่นใจ


ส่วนผสม
* แห้ว 800 กรัม
  (ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
* กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 500 กรัม
* ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก
   (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)


 วิธีทำทีละขั้นตอน
1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ
2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ
4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ
5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ




สังขยาฟักทอง


สังขยาฟักทอง

ส่วนผสม
* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)
* ไข่่ 4 ฟอง
* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา
* น้ำปูนใส


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ


ที่มา : http://www.ezythaicooking.com/free_dessert_recipes/Thai_pumpkin_custard_th.html





ขนมชั้น


ขนมชั้น

ขนมชั้น เป็นขนมไทยโบราณที่ใช้ในงานพิธีมงคล โดยมีความเชื่อว่าจะต้องหยอดขนมให้ได้ 9 ชั้น จึงจะเป็นศิริมงคลเจริญก้าวหน้าแก่เจ้าภาพ
ส่วนผสมของขนมส่วนใหญ่จะเป็นกะทิ และน้ำตาล แป้ง 3 - 4 ชนิด แล้วแต่สูตรและความชอบเนื้อขนมในแต่ละแบบ ซึ่งแป้งแต่ละอย่างก็จะมีคุณสมบัติทำให้ขนมมีเนื้อต่างกัน โดย
  • แป้งมัน จะทำให้เนื้อขนมเนียน นุ่ม เหนียว หนืด ดูใสเป็นมัน
  • แป้งท้าว จะทำให้เนื้อขนมเนียน เหนียว แข็ง แต่จะใสน้อยกว่าแป้งมัน
  • แป้งข้าวเจ้า จะทำให้เนื้อขนมแข็ง และอยู่ตัว
  • แป้งถั่วเขียว จะทำให้ขนมอยู่ตัว ไม่เหนียวมากเกินไป


ส่วนผสม
* แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
* แป้งท้าวยายม่อม 2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
* กะทิ 6 ถ้วยตวง
* น้ำดอกอัญชัญ 2 ช้อนโต๊ะ  (หรือน้ำใบเตยคั้นสด,
   หรือใช้สีผสมอาหารตามแต่สีที่ต้องการ)



วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำดอกอัญชันล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นใส่น้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเตรียมน้ำดอกอัญชัญ กรณีต้องการทำสีเขียวจากใบเตย ก็นำเอาใบเตยไปล้างให้สะอาดและนำไปปั่นใส่น้ำและกรองด้วยผ้าขาวบาง กรณีต้องการสีอื่น อาจใช้สีผสมอาหารแทน
2. นำน้ำลอยดอกมะลิไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ผสมน้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดีเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำแป้งทั้งสองชนิด ผสมกับกะทิ นวดให้เหนียว จากนั้นใส่น้ำลอยดอกมะลิที่ผสมน้ำตาลแล้ว (ขั้นตอนที่ 2) ลงไปผสมให้เข้ากัน
4. แบ่งแป้งที่ผสมแล้วออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกแบ่งไว้ทำสีขาว และส่วนที่สอง ไว้ทำสีม่วงโดยเติมน้ำดอกอัญชัน (น้ำใบเตยหรือสีผสมอาหาร)ลงไปคนให้เข้ากัน
5. นำถาดที่ต้องการ (หรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้) ใส่บนลังถึงตั้งบนไฟแรง ๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาวเทใส่ลงในถาดเกลี่ยให้ทั่วถาดบางที่สุด ปิดฝาเพื่อให้สุกประมาณ 5 นาที เปิดดูแป้งจะมีลักษณะใส จากนั้นตักแป้งสีม่วง (หรือสีที่ผสมลงไป) ใส่ลงไป อีก ทำสลับกันจนแป้งหมด (เคล็ดลับ : ควรใช้ภาชนะที่มีความจุเท่ากันในการตวงแป้งเทแต่ละชั้น เพื่อที่จะได้แป้งที่มีความหนาเท่า ๆ กัน)
6. นึ่งจนขนมสุกทั้งหมด แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงจึงตัดเป็นชิ้นเพื่อเสริฟ (เคล็ดลับ : ก่อนที่จะเทแป้งเพื่อทำชั้นต่อไปทุกครั้ง จะต้องแน่ใจว่าขนมในชั้นล่างนั้นสุกแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้น แป้งชั้นนั้นจะไม่สุกเลย ถึงแม้จะใช้เวลานึ่งนานเท่าใดก็ตาม)











บัวลอย


บัวลอย

+ส่วนผสมบัวลอย+
* แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
* เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง (กรณีต้องการบัวลอยหลายสีสามารถเลือกใช้ฟักทอง เพื่อทำบัวลอยสีเหลือง, ใบเตย เพื่อทำบัวลอยสีเขียว, อื่นๆ)
* น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
+ส่วนผสมน้ำกะทิ+
* กะทิ 2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
* น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา
* เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้)
* งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)


    วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น)
2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)
3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ)
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้


ขนมเทียน


ขนมเทียน

ขนมเทียน หรือ ขนมนมสาว ทางภาคเหนือเรียกว่า ขนมจ็อก ซึ่งเป็นขนมที่นิยมใช้ในงานบุญของชาวเชียงใหม่โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ แต่เดิมมีไส้มะพร้าวและไส้ถั่วเขียว แต่ในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ขนมจ็อกออกไปหลากหลายมากชาวจีนใช้ขนมเทียนในการไหว้บรรพบุรุษช่วงวันตรุษและวันสารท ไส้เป็นถั่วเขียวกวนบด ถ้าแบบเค็มจะใส่พริกไทยและเกลือ แบบหวานใส่มะพร้าวและน้ำตาลลงไปเพิ่ม ถ้าตัวแป้งทำด้วยแป้งถั่วเรียกขนมเทียนแก้ว


 ส่วนผสม
      1.แป้งข้าวเหนียว                                       4     ถ้วยตวง
      2.แป้งท้าวยายม่อม                                    4     ช้อนตวง
      3.น้ำตาลทราย                                           4     ช้อนตวง
      4.งาขาวคั่วบดพอแตก                                4     ช้อนตวง 
      5.ฟักทองนึ่งบดละเอียด                                   ถ้วยตวง
      6.น้ำเปล่า                                                  2     ถ้วยตวง
      7.มะพร้าวขูด                                             4     ถ้วยตวง
      8.เทียนอบ         
      9.ใบตอง             
     10.น้ำมันพืช              
                                    
            

   วิธีทำ
      1.เคี้ยวไส้ขนม  โดยใส่น้ำตาลปี๊บในกระทะทองเหลืองเคี้ยว
      
บอแตกฟอง  ใส่มะพร้าวขูดลงเคี้ยว 
พอเหนียว ยกลง  พอเย็นอบเทียนให้หอม
2.  ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งท้าวให้เข้ากัน  แบ่งเป็น 2 ส่วน  ส่วนที่ 1 ผสมงาขาว  ส่วนที่ 2 
      ผสมเนื้อฟักทอง แล้วนวดแป้งให้ได้ที่ด้วยน้ำเชื่อมอุ่นจัด      และน้ำเย็น
3. นำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  1 นิ้ว  แล้วนำไส้ใส่ตรงกลางหุ้มให้มิด  ห่อด้วยใบตอง


ที่มา : http://th.wikipedia
             
                        
 


ขนมตาล




ขนมตาล

ขนมตาล เป็นขนมไทยดั้งเดิม เนื้อขนมมีลักษณะเป็นแป้งสีเหลืองเข้ม นุ่ม ฟู มีกลิ่นตาลหอมหวาน ขนมตาลทำจากเนื้อตาลจากผลตาลที่สุกงอม แป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล ผสมกันตามกรรมวิธี ใส่กระทงใบตองโรยมะพร้าวขูด และนำไปนึ่งจนสุก เนื้อลูกตาลยีที่เป็นส่วนผสมในการทำขนมตาล ได้จากการนำผลตาลที่สุกจนเหลืองดำ เนื้อข้างในมีสีเหลือง มีกลิ่นแรง ซึ่งส่วนมากจะหล่นจากต้นเอง มาปอกเปลือกออก นำมายีกับน้ำสะอาดให้หมดสีเหลือง นำน้ำที่ยีแล้วใส่ถุงผ้า ผูกไว้ให้น้ำตกเหลือแต่เนื้อลูกตาล



ส่วนผสม
เนื้อลูกตาลยีแล้ว 1/2 ถ้วยตวง  
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง  
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง  
กะทิ  2 ถ้วยตวง  
มะพร้าวทึนทึก 1 ซีก  



วิธีทำ
1.ผสมแป้งและเนื้อลูกตาล แล้วนวด เติมกะทิทีละน้อยจนหมด
2.ใส่น้ำตาลทราย คนให้ละลายเข้ากันดี
3.นำไปตากแดดสัก 3-4 ชม. ให้แป้งข้น
4.ขูดมะพร้าวให้เป็นเส้นยาว
5.เมื่อแป้งขึ้น เนื้อขนมจะนูนขึ้น ตักขนมหยอดใส่ถ้วยตะไล หรือกระทงก็ได้ แล้วโรยมะพร้าว นึ่งไฟแรงประมาณ 15 นาที
หมายเหตุ เนื้อลูกตาลยีนั้น นำมาจากผลตาลที่สุกจนเหลืองดำ ส่วนมากจะหล่นจากต้นเอง ผลตาลนั้นมีกลิ่นแรง เมื่อปอกเปลือกออกเนื้อข้างในจะเป็นสีเหลือง นำมายีกับน้ำสะอาดให้หมดสีเหลือง นำน้ำที่ยีแล้วใส่ถุงผ้า ผูกไว้ให้น้ำตกเหลือแต่เนื้อ


ขนมถ้วยฟู


ขนมถ้วยฟู

หน้าตาขนมถ้วยฟูจะคล้ายๆกับขนมปุยฝ้ายคือหน้าแตกสามหรือสี่แฉก แต่ความแตกต่างคือส่วนผสมแป้ง ถ้วยฟูเป็นขนมมงคลอีกชนิดหนึ่งคือเชื่อกันว่าทำให้เฟื่องฟู(เขาเล่ามา..เราบอกต่อ)


สูตรส่วนผสม
- แป้งข้าวจ้าว ๑ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย ๑/๒ ถ้วยตวง
- น้ำลอยดอกมะลิ ๑/๒ ถ้วยตวง (หรือน้ำใบเตยถ้าใช้สีเขียวอย่างเดียว)
- น้ำมะนาว ๑ ช้อนชา
- ยีสต์ ๑ ช้อนชา
- ผงฟู ๑ ช้อนชา


วิธีทำ
- ใส่ยีสต์ลงในแป้งข้าวจ้าวให้เข้ากัน ใส่น้ำลอยดอกไม้ทีละน้อย นวดจนแป้งนิ่มเนียน
- ใส่น้ำตาลและน้ำทั้งหมดลงในแป้ง นวดต่อไปจนดูเนียนเข้ากัน ปิดฝาครอบไว้ ๔๕ นาที
- ใส่ผงฟู น้ำมะนาว แล้วนวดซ้ำให้ส่วนผสมเข้ากัน
- ตักขนมที่ผสมไว้ ใส่ถ้วยกระดาษแล้วรองด้วยถ้วยอลูมิเนียม นึ่งด้วยไฟแรง ๓ นาที ลดไฟปานกลางนึ่งต่ออีก ๑๐-๑๕ นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น




ขนมกลีบลำดวน


ขนมกลีบลำดวน


กลีบลำดวน คือขนมไทยโบราณชนิดหนึ่งที่ทำมาจากแป้งสาลี เป็นขนมมงคลที่ใช้ในงานแต่งงาน เหตุที่เรียกว่ากลีบลำดวนเนื่องจากลักษณะของขนมชนิดนี้คล้ายกับดอกลำดวน


ส่วนผสมขนมหวาน ขนมกลีบลำดวน
แป้งสาลี 2 ถ้วย
น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วย
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
น้ำมันพืช 1 ถ้วย
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
เทียนอบ


วิธีทำขนมหวาน ขนมกลีบลำดวน
1.ร่อนแป้งให้ได้ 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 เติมเกลือป่นลงไปร่อนพร้อมกัน 

2.นำน้ำตาลทรายละเอียด มาผสมกับแป้งให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง ค่อยๆเติมน้ำมันพืชทีละน้อย ผสมกันจนสามารถปั้นเป็นก้อนกลมๆ
ขนาดเท่าๆกันได้ ควรปั้นให้แน่น จะได้ไม่แตกง่ายเวลาผ่า 
แล้วพักไว้ 

3.ใช้มีดปลายแหลม กรีดแบ่งแป้งเป็น 4 ส่วน แล้วนำมาจัดให้กลีบ
งุ้มเหมือนกลีบลำดวน หยิบแป้ง 1 ก้อนเท่ากับเมล็ดข้าวโพด วางไปตรงกลางทำเป็นเกสร
4.นำถาดที่ใช้อบขนม มาทาน้ำมันนำขนมเรียงใส่ถาดอบด้วยไฟ
200-250 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อขนมสุกแล้วอบด้วยควันเทียน
เมื่อขนมเย็นจึงเก็บใส่ขวดโหล 






วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขนมกล้วย


ขนมกล้วย

 ขนมกล้วย หรือเข้าหนมกล้วย เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ส่วนผสมหลักมีกล้วยน้ำว้าสุกงอม แป้งข้าวเจ้า และน้ำตาลทราย นำมาคลุกเคล้าและนวดให้เข้ากัน


ส่วนผสมขนมกล้วย
1.กล้วยน้ำว้าสุก500กรัม
2.น้ำตาลทราย500กรัม
3.แป้งข้าวเจ้า300กรัม
4.แป้งมัน100กรัม
5.มะพร้าว1ถ้วย
6.กะทิ3ถ้วย
7.เกลือป่น1ช้อนชา




วิธีทำำขนมกล้วย
1. แกะเปลือกกล้วยน้ำว้า ใส่ภาชนะ ใส่แป้งข้าวเจ้า



2. ใส่น้ำกะทิ คนให้เข้ากัน



3. นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันและขยำกล้วยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ


4. ใส่น้ำตาลทราย แล้วนวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย



5. ฉีกใบตองกว้าง 6 นิ้ว ทำเป็นกรวย แล้วใช้ไม้กลัด กลัดใบตอง 



6. ตักส่วนผสมใส่ลงในกรวยให้เต็ม 



7. วางกรวยขนมในรูของลังถึง



8. โรยมะพร้าวขูด นึ่งไฟกลาง ประมาณ 20 นาที

เลือกกล้วยน้ำว้าสุกงอม จะทำให้ขนมกล้วยมีรสหวาน หอม


อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง